ความเป็นมาพระสัทธรรมปุณฑริกสูตรสายจิต
การพัฒนาจิตตามแนวทางของพระพุทธองค์นั้น เพื่อชำระกิเลสในจิตให้หมดสิ้นไปในเบื้องต้นด้วย"อริยปัญญา"อันฝึกฝนด้วย"อริยมรรค"หรือ"มรรคมีองค์ 8 ในอริยสัจ 4 ที่เมื่อฝึกฝนไปจนถึงที่สุดแล้ว จนรับ"ผล"สุดท้าย คือขั้นละวาง 8 กิเลสหลักๆได้หมดสิ้นจากจิตไปจริง แต่อนุสัยกิเลสหรือกิเลสละเอียดยังหลงเหลืออยู่
พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งแทงตลอดจากเหตุนี้ จึงทรงนำ"พุทธมรรค"อันเป็นมรรควิธีฝึกฝนจิตระดับสูงสุดของพุทธศาสนามาถ่ายทอดกับบรรดาสาวกของท่านในช่วง 8 ปีสุดท้ายก่อนปรินิพพานเพื่อพัฒนาจิตสู่"พุทธปัญญา"อันเป็นปัญญาแห่งการชำระกิเลสละเอียดๆในจิตให้หมดสิ้นไปได้ ..แล้วพัฒนาจิตสู่สภาวะเหนือกิเลสตลอดไป..สู่ความบริสุทธิ์ยิ่งได้ในที่สุด..ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเรียกว่า"นิพพานที่สมบูรณ์"และจิตนั้นๆจะเข้าถึงความจริงสูงสุดของธรรมชาติได้ ที่เรียกว่ามี"พระสัทธรรมฯ"อยู่ในจิต หรือการเข้าถึงความจริงขั้นสูงสุดด้วยจิตนั่นเอง
หลังจากท่านวรินทร์โธ เข้าถึงอริยปัญญาสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2555 แล้ว ในปี 2557 นั้นเอง ท่านได้ต่อยอดพัฒนาการ การฝึกฝนจิตของท่าน ด้วยวิธีการ"จิตสู่จิต"จนจิตเข้าสู่สมรรถนะแผ่ออกไปได้เต็มสากลจักรวาล อันเป็นจิตละเอียดแนวกว้างบริสุทธิ์ สามารถเข้าถึงบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ในสากลจักรวาล ดังมีปรากฏในพระสัทธรรมปุณฑริกสูตร
จึงทำให้ท่านค้นพบวิธีการพัฒนาจิตเข้าถึงสภาวะสูงสุด ปลอดกิเลสละเอียดและชำระจิตบริสุทธิ์ได้ ด้วยวิธีการที่ท่านเข้าถึงเองในปี 2557 นั้น..และท่านได้ค้นคว้าพัฒนาต่อ โดยทดลองนำไปถ่ายทอดสู่ศิษย์ จนเกิดความมั่นใจ ท่านวรินทร์โธจึงประกาศเผยแผ่พระสัทธรรมปุณฑริกสูตรสายจิต สู่ชาวพุทธอย่างเป็นทางการนับแต่นั้นมา